arrow-prev ย้อนกลับ
18 พฤษภาคม 2565
โดย: พรทิพย์ ตันติวิเศษศักดิ์,,อดิลล่า พงศ์ยี่หล้า, สุภาพ วงศ์ศรีสุนทร

กลยุทธ์การปรับตัวของผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกทุเรียนไทยไปประเทศจีนเพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากโควิด

พรทิพย์ ตันติวิเศษศักดิ์, อดิลล่า พงศ์ยี่หล้า, สุภาพ วงศ์ศรีสุนทร

Received April 19, 2022; Revised May 5, 2022; Accepted May 18, 2022

กลยุทธ์การปรับตัวของผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกทุเรียนไทยไปประเทศจีนเพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากโควิด

บทคัดย่อ

ทุเรียนเป็นผลไม้ที่สร้างรายได้หลักให้ประเทศไทยโดยส่งไปประเทศจีนมากที่สุด การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดส่งผลกระทบต่อการดําเนินงานผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกทุเรียนชาวไทยไปยังประเทศเป้าหมายหลัก เมื่อสภาวะการณ์เปลี่ยนไปธุรกิจจําเป็นต้องปรับตัวบทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา1) การปรับตัวของผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกทุเรียนเพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากภาวะโควิด2) กระบวนการดําเนินธุรกิจทุเรียนเพื่อการส่งออก 3) การใช้กลยุทธ์ระดับองค์กรของธุรกิจ 4) การใช้กลยุทธ์ระดับการแข่งขันของธุรกิจ และ 5) การใช้กลยุทธ์ระดับหน้าที่ของธุรกิจ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้เทคนิคเดลฟายกับผู้เชี่ยวชาญการส่งออกทุเรียน 17 ท่าน เน้นผู้ส่งออกไปประเทศจีน สถิติที่ใช้คือมัธยฐาน ฐานนิยม ร้อยละ ค่าพิสัยระหว่างควอไทล์และสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ทรงคุณวุฒิภาครัฐอีก 2 ท่านเพื่อยืนยันผลข้างต้น ผลการศึกษาพบดังนี้ 1)ผู้ประกอบการปรับคุณภาพทุเรียนตามที่ลูกค้าต้องการ ปรับการจัดการให้ได้ตามมาตรฐานในเวลาที่ต้องการ ปรับความสามารถในการจัดการกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด ปรับปรุงชื่อเสียงและเครดิต ปรับทรัพยากรบุคคลและเครือข่ายให้เข้มแข็ง ปรับการบริการและรักษาความสัมพันธ์อันดีกับผู้นําเข้าต่างชาติ2) กระบวนการดําเนินธุรกิจส่งออกทุเรียน คือ รับซื้อและคัดเลือกทุเรียน ควบคุมวิธีการใช้น้ํายา เวลาการตั้งโป่ง การแพ็คทุเรียนใส่กล่อง ขึ้นทุเรียนใส่ตู้Container แจ้งเจ้าหน้าที่ทางการเกษตรมาตรวจเช็ค ปรับอุณหภูมิตู้ ปล่อยตู้และขนส่ง ส่วนใหญ่ใช้วิธีการส่งออกทางอ้อม ผู้ส่งออกต้องมีเอกสารที่สอดคล้องกับมาตรการตรวจสอบสินค้าเกษตร3) การใช้กลยุทธ์ระดับองค์กรของธุรกิจส่งออกทุเรียนเป็นแบบเติบโตทั้งแนวดิ่งและแนวนอน 4) การใช้กลยุทธ์ระดับการแข่งขันเป็นแบบมุ่งเน้นการสร้างความแตกต่าง มีคู่แข่งสําคัญคือทุเรียนจากมาเลเซีย 5) การใช้กลยุทธ์ระดับหน้าที่มีการปรับหน้าที่ต่างๆ คือการผลิต การตลาด การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การเงินและโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากโควิด

คำสำคัญ

ทุเรียน; การส่งออก; กลยุทธ์; การปรับตัว

บทนำ

ทุเรียนถือได้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจหลักสําคัญของไทยในปัจจุบันที่ทํารายได้มหาศาลให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการส่งออกชาวไทย จากข้อมูลสถิติการส่งออกผลไม้สดของประเทศไทย ทุเรียนเป็นผลไม้ส่งออกที่ติดอันดับหนึ่งในสามของผลไม้ระดับแนวหน้าที่ประเทศไทยส่งออกอันได้แก่ ทุเรียน ลําไยและสัปปะรด ถึงแม้อยู่ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่ราคาส่งออกทุเรียนยังมีระดับที่สูงขึ้น (สํานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศณนครคุนหมิง,2563) ราคาทุเรียนที่ส่งออกมีราคาสูงขึ้นจากไม่เกิน 100 บาทต่อกิโลกรัมในปี 2562 ปรับขึ้นเป็น100กว่าบาท/กิโลกรัมในปี 2563และพุ่งขึ้นเป็น 200-220 บาท/กิโลกรัม ในปี 2564 (สํานักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า, 2564) โดยผู้นําเข้าหลักในปัจจุบันคือ ประเทศจีน ฮ่องกง เวียดนาม ไต้หวัน และสหรัฐอมริกา ดังแสดงปริมาณการส่งออกตามตารางที่ 1(กรมศุลกากร,2565) จากตารางที่ 1 จะเห็นได้ว่าประเทศจีนเป็นตลาดส่งออกที่สําคัญอย่างโดดเด่นที่สุดของไทยในปัจจุบันอย่างมีนัยสําคัญ ดังนั้นการศึกษาครั้งนี้จึงมุ่งเน้นการส่งออกไปประเทศจีนเป็นหลัก จากตารางที่ 1 แสดงให้เห็นว่าประเทศจีนเป็นที่พึ่งที่สําคัญที่สุดในการส่งออกทุเรียนไทยในปัจจุบัน ดังนั้นเมื่อตลาดในประเทศจีนมีการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นด้านสภาพแวดล้อมภายในหรือภายนอกก็ตาม ผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกทุเรียนชาวไทยจําเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตลาดประเทศจีนให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดก็เป็นตัวแปรหนึ่งที่ทําให้การดําเนินธุรกิจต่างๆในประเทศจีนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้จึงมุ่งเน้นการศึกษากลยุทธ์การปรับตัวของผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกทุเรียนเพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากโควิดตารางที่ 1 ปริมาณการส่งออกทุเรียนไปต่างประเทศ 5 อันดับแรก ระหว่างปี 2561-มกราคม 2565

ประเทศจีนมีการนําเข้าทุเรียนสดจากไทยมากที่สุดทุกปี ถึงแม้ว่าในช่วงที่ประเทศจีนมีการระบาดของโรคโควิด-19รุนแรงจนต้องมีมาตรการเปิด-ปิดด่านนําเข้า และปิดเมืองในช่วงเทศกาลสําคัญ อย่างเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการเดินทางมากที่สุดช่วงหนึ่งของจีน คือตั้งแต่ 23มกราคม 2563 –24กุมภาพันธ์ 2563แต่ทุเรียนไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการปิดด่านในระยะเวลาดังกล่าว เพราะผลผลิตทุเรียนของไทยจะเริ่มเก็บเกี่ยวในเดือนเมษายนเป็นต้นไป ทําให้ทุเรียนไทยยังคงส่งออกได้ในช่วงที่จีนเริ่มมีมาตรการผ่อนคลายเกี่ยวกับการจัดการโรคระบาดโควิด-19นอกจากนี้พฤติกรรมการสั่งซื้อทุเรียนของผู้บริโภคชาวจีนในสถานการณ์โควิด-19เป็นการสั่งซื้อทางออนไลน์มากขึ้น มีการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆที่จัดโดยหน่วยงานราชการของไทย และหน่วยงานเอกชนของจีน เช่น การจัด livestreamingและสั่งซื้อทุเรียนผ่านplatform ออนไลน์ต่างๆ (ฝ่ายเกษตรประจํากงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้, 2563) จึงทําให้มูลค่าการบริโภคทุเรียนภายในประเทศจีนเพิ่มสูงขึ้นในช่วงการระบาดโควิด อีกทั้งชาวจีนไม่สามารถเดินทางมายังประเทศไทยในฤดูกาลที่เก็บเกี่ยวทุเรียนได้ ทําให้ผู้บริโภคชาวจีนที่มีความต้องการบริโภคทุเรียนต้องซื้อทุเรียนภายในประเทศตนเองเพิ่มขึ้น

นอกจากนั้นมูลค่าการส่งออกที่เป็นเงินบาทก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย สาเหตุเพราะ 1) ราคาทุเรียนที่ส่งออกเพิ่มสูงขึ้น2) เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายในการขนส่งเพิ่มขึ้น ทําให้ระยะเวลาในการขนส่งและค่าใช้จ่ายในการส่งออกทุเรียนเพิ่มขึ้น สําหรับสถานการณ์การแข่งขัน ในขณะนี้จีนอนุญาตให้นําเข้าทุเรียนผลสดทั้งลูกจากประเทศไทยได้เพียงประเทศเดียวเท่านั้น ทําให้ผู้ส่งออกไทยมีความได้เปรียบจากคู่แข่งขันอย่างประเทศมาเลเซียที่จีนอนุญาตให้นําเข้าได้ แต่ต้องเป็นทุเรียนทั้งลูกแช่แข็ง ซึ่งทําให้ราคาทุเรียนที่นําเข้าจากประเทศมาเลเซียมีราคาสูงกว่าทุเรียนไทยมากกว่า 3เท่า แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากทุเรียนมาเลเซียเป็นทุเรียนทั้งลูกแช่แข็งทําให้เก็บรักษาได้นานประมาณ 18เดือน และทุเรียนมาเลเซียที่นําเข้าเป็นพันธุ์ Mushan King ซึ่งเป็นพันธุ์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในระดับโลก (พันธุ์ทุเรียนไทยที่ได้รับความนิยมในจีน คือ หมอนทอง ชะนี ก้านยาว และกระดุม) รวมทั้งทุเรียนที่ส่งออกจากมาเลเซียทุกลูกจะมีการติด QR Code ที่ก้านทุเรียนเพื่อให้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มา เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มผู้บริโภคจีนที่มีรายได้สูง นอกจากนี้ฟิลิปปินส์และเวียดนามที่สามารถปลูกทุเรียนได้ก็พยายามเจรจากับจีนเพื่อขอให้สามารถส่งออกทุเรียนมาขายที่ประเทศจีนได้ อีกทั้งบริษัทจีนชื่อ Hainan Rouming Red Titaya ได้นําเข้าพันธุ์ทุเรียนทั้ง Mushan King หมอนทอง หนามดํา เพื่อทําการเพาะปลูกบนพื้นที่ 542ไร่ที่เกาะไหหลํา โดยคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดจีนในปี 2566แสดงให้เห็นว่าในระยะเวลาอันใกล้นี้สถานการณ์การแข่งขันทุเรียนจะมีความรุนแรงมากขึ้น (สํานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน, 2562)

ดังนั้นการวิจัยนี้จัดทําขึ้นเพื่อศึกษาการปรับตัวของผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกทุเรียนเพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากโควิด ในประเด็นต่อไปนี้คือ การปรับตัวด้านกระบวนการดําเนินธุรกิจการปรับตัวด้านกลยุทธ์ทุกระดับได้แก่ กลยุทธ์ระดับองค์กร กลยุทธ์ระดับธุรกิจหรือกลยุทธ์การแข่งขัน และกลยุทธ์ระดับหน้าที่ เพื่อให้ประเทศไทยยังคงรักษาระดับการเป็นผู้ส่งออกทุเรียนเป็นอันดับ 1 ของโลกได้ต่อไป

วัตถุประสงค์การวิจัย

1. เพื่อศึกษาการปรับตัวของผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกทุเรียนเพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากภาวะโควิด

2. เพื่อศึกษากระบวนการดําเนินธุรกิจทุเรียนเพื่อการส่งออกของผู้ประกอบการไทย

3. เพื่อศึกษาการใช้กลยุทธ์ระดับองค์กรของธุรกิจทุเรียนไทยเพื่อการส่งออก

4. เพื่อศึกษาการใช้กลยุทธ์ระดับการแข่งขันของธุรกิจทุเรียนไทยเพื่อการส่งออก

5. เพื่อศึกษาการใช้กลยุทธ์ระดับหน้าที่ของธุรกิจทุเรียนไทยเพื่อการส่งออก

การทบทวนวรรณกรรม

1. แนวคิดเกี่ยวกับทุเรียน

ทุเรียนมีถิ่นกําเนิดทางภาคใต้ของไทย แต่ปัจจุบันได้ปลูกกระจายไปหลายจังหวัด ผลผลิตจะมีมากในภาคตะวันออกและภาคใต้ จังหวัดที่มีผลผลิตมากได้แก่ จันทบุรี ชุมพร ระยอง ตราด ยะลานครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี ตามลําดับ(สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร,2563) ทุเรียนมีวิตามินและแร่ธาตุที่สําคัญหลายอย่าง ได้แก่ วิตามินซี วิตามินบี และ วิตามินเอ และมีแร่ธาตุที่สําคัญ เช่น โพแทสเซียม เหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียมโซเดียม และฟอสฟอรัส นอกจากนี้ ยังมีสารอาหาร เช่น ไฟโตนิวเทรียนท์ โปรตีนและไขมัน ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทุเรียนมีใยอาหารในปริมาณสูง ซึ่งจําเป็นต่อการทํางานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะระบบย่อยอาหาร (สํานักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี, 2564) ด้วยรสชาดและคุณประโยชน์จึงทําให้ทุเรียนเป็นที่นิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน ถึงแม้ว่าประเทศไทยมีการประกาศภาวะฉุกเฉินและปิดประเทศตั้งแต่ 26มีนาคม 2563เป็นต้นมา แต่ทุเรียนซึ่งเป็นผลไม้เศรษฐกิจหลักของไทยกลับมีการส่งออกไปต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกทุเรียนมากที่สุดในโลก การส่งออกทุเรียนของไทย มีทั้งการส่งออกทุเรียนสด ทุเรียนแช่แข็ง และทุเรียนแปรรูป โดยสัดส่วนปริมาณการส่งออกทุเรียนสดคิดเป็นร้อยละ 95

2. แนวคิดเกี่ยวกับการส่งออก

สําหรับธุรกิจระหว่างประเทศถือว่าการส่งออก (Export) เป็นวิธีการเข้าตลาดต่างประเทศที่ง่ายที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีการอื่นๆ การส่งออกแบ่งออกได้สองประเภทคือ1) การส่งออกทางตรง(Direct export) และ 2) การส่งออกทางอ้อม (Indirect export) การส่งออกทางตรงหมายถึงการที่เจ้าของสินค้าหรือผู้ผลิตส่งสินค้าออกไปยังต่างประเทศด้วยตนเอง ไม่ผ่านบุคคลอื่นหรือไม่ผ่านตัวแทนในการส่งออก ส่วนการส่งออกทางอ้อมคือการส่งสินค้าออกไปยังต่างประเทศโดยผ่านบุคคลอื่นที่มารับซื้อสินค้าแล้วนําไปส่งออกหรือผ่านตัวแทนในการส่งออก (อดิลล่า พงศ์ยี่หล้า, 2563) การส่งออกนํามาซึ่งรายได้ที่ทําให้เจ้าของกิจการพึงพอใจและมีกําลังใจในการพัฒนาการบริหารกิจการ ผู้ประกอบธุรกิจโรงคัดบรรจุเพื่อรวบรวมผลผลิตทางการเกษตร แล้วส่งออกไปยังประเทศปลายทางมักจะถูกเรียกว่า “ล้ง” ซึ่งในปัจจุบันนิยมบริหารกิจการโดยใช้วิธีการจัดการเชิงกลยุทธ์ที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ดังเช่น การเกิดขึ้นของโควิด-19

3. แนวคิดเกี่ยวกับกลยุทธ์

การจัดการเชิงกลยุทธ์ หมายถึง การวางแผน การดําเนินการ และควบคุมในเชิงกลยุทธ์เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ได้กําหนดไว้ (พักตร์ผจง วัฒนสินธุ์ และพสุ เดชะรินทร์, 2542)แต่ก่อนที่จะวางแผนจะต้องมีการตรวจสอบสภาพแวดล้อมเพื่อค้นหาจุดแข็งจุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคเพื่อนํามาใช้ในการวางแผนในการดําเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตามกลยุทธ์มีลําดับชั้น (Hierarchy) และกลยุทธ์โดยทั่วไปจะสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระดับ(Wheelen& Hunger, 2012) ซึ่งได้แก่1) กลยุทธ์ระดับองค์กร (Corporate strategy)2) กลยุทธ์ระดับธุรกิจ(Business strategy) หรือกลยุทธ์การแข่งขัน(Competitive strategy) และ3) กลยุทธ์ระดับหน้าที่(Functional strategy)กลยุทธ์ระดับองค์กรหมายถึงกลยุทธ์ที่บ่งชี้ทิศทางการดําเนินงานซึ่งจําแนกได้ 3 กลยุทธ์ คือ กลยุทธ์เติบโต(Growth strategy) กลยุทธ์คงที่(Stability strategy)และกลยุทธ์ถดถอย(Retrenchment strategy) ส่วนกลยุทธ์การแข่งขันจําแนกได้ 4 กลยุทธ์ คือ 1) กลยุทธ์ความเป็นผู้นําด้านต้นทุน(Cost leadership strategy) แข่งขันโดยทําต้นทุนให้ต่ําสุดและขายราคาต่ําสุด2) กลยุทธ์มุ่งเน้นต้นทุนต่ํา(Cost focus) แข่งขันโดยมุ่งเน้นทําต้นทุนให้ค่อนข้างต่ําและขายราคาค่อนข้างต่ํา 3) กลยุทธ์มุ่งเน้นการสร้างความแตกต่าง(Differentiation focus) แข่งขันโดยมุ่งเน้นคุณภาพให้ค่อนข้างสูงและขายในราคาค่อนข้างสูง 4) กลยุทธ์สร้างความแตกต่าง(Differentiation) แข่งขันโดยสร้างความแตกต่างและพยายามทําให้คุณภาพผลิตภัณฑ์สูงที่สุดและขายราคาสูงสุด กลยุทธ์ทุกระดับต้องมีความสอดคล้องกันเพื่อส่งเสริมให้กิจการประสบความสําเร็จนอกจากนั้นองค์กรธุรกิจต้องกระทําหน้าที่หลายอย่าง จึงต้องมีกลยุทธ์ระดับหน้าที่ (Functional strategy) อันได้แก่ กลยุทธ์การผลิตกลยุทธ์การตลาดกลยุทธ์การเงินกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรมนุษย์เป็นต้น (Wheelen & Hunger, 2012) กลยุทธ์ระดับหน้าที่เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการใช้ความพยายามที่จะใช้ทรัพยากรในแต่ละหน้าที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่องค์กร เช่น หากองค์กรต้องการดําเนินกลยุทธ์การแข่งขันโดยสร้างความแตกต่าง องค์กรจะต้องให้ความสําคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้มีความแตกต่างจากคู่แข่งในท้องตลาด ซึ่งจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการวิจัยพัฒนาเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพสูงและสามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังจะต้องจ้างบุคคลากรที่มีศักยภาพสูงเพื่อให้การทํางานเป็นไปตามที่ได้วางแผนเอาไว้ แสดงให้เห็นว่าการที่องค์กรจะประสบความสําเร็จได้นั้น กลยุทธ์ทั้ง 3 ระดับต้องมีความสอดคล้องกันและสนับสนุนซึ่งกันและกัน

กรอบแนวคิดการวิจัย

ขอบเขตของการวิจัย

งานวิจัยนี้กําหนดขอบเขตด้านประชากร ด้านเนื้อหา และด้านเวลา ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้

1. ขอบเขตด้านประชากร

นื่องจากงานวิจัยนี้เป็นเชิงคุณภาพโดยใช้เทคนิคเดลฟาย ตัวแทนประชากรในการวิจัย จึงใช้ผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนจากแหล่งเพาะปลูกทุเรียนที่สําคัญ ได้แก่ จันทบุรี ชุมพร ระยอง ตราด ยะลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี โดยเน้นผู้ส่งออกไปตลาดจีน

2. ขอบเขตเนื้อหา

การศึกษาครั้งนี้เน้นเนื้อหาดังนี้ 1) กระบวนการดําเนินธุรกิจส่งออกทุเรียนเน้นการส่งออก (Export) ไปประเทศจีน เนื่องจากเป็นประเทศผู้นําเข้าทุเรียนรายหลักที่โดดเด่นที่สุดของไทย2) กลยุทธ์ระดับองค์กรหรือระดับบริษัท (Corporate Strategy) 3) กลยุทธ์ระดับธุรกิจ (Business Strategy) หรือกลยุทธ์การแข่งขัน (Competitive Strategy) และ 4)กลยุทธ์ระดับหน้าที่ (Functional Strategy)3. ขอบเขตด้านเวลา ระยะเวลาทําการศึกษา ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2564 –มิถุนายน 2565

ระเบียบวิธีวิจัย

การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยใช้เทคนิคเดลฟาย(Delphi Technique) ซึ่งได้รับความนิยมในหลายวงการวิจัย เนื่องจากสามารถให้ข้อมูลที่แม่นยําเกี่ยวกับสิ่งที่ยังคลุมเครือ ไม่มีความชัดเจน โดยการอาศัยประสบการณ์ ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะหลีกเลี่ยงการนัดหมายกลุ่มผู้เชี่ยวชาญไม่ให้มาเผชิญหน้ากัน จึงทําให้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่และเป็นอิสระ ไม่ถูกครอบงําโดยผู้อื่นหรือโดยกระบวนการกลุ่ม(น้ําผึ้ง มีศิล,2559)

กระบวนการศึกษาแบ่งเป็น 5 ระยะ คือ

1.กําหนดกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มหลักคือ กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกทุเรียนชาวไทย ซึ่งเป็นผู้กําหนดกลยุทธ์ธุรกิจ วิธีการดําเนินงาน และมีความเชี่ยวชาญในการส่งออกทุเรียนไปต่างประเทศโดยเฉพาะส่งไปประเทศจีนไม่น้อยกว่า 5 ปี จํานวน 17 ราย (Macmillan,1971อ้างในนิภาพรรณ เจนสันติกุล, 2560ที่ได้เสนอว่าจํานวนผู้เชี่ยวชาญที่ใช้ในการวิจัยตั้งแต่ 17 คนขึ้นไป อัตราการลดลงของความคลาดเคลื่อนจะมีน้อยมาก) ผู้วิจัยกําหนดจํานวนผู้เชี่ยวชาญในแต่ละจังหวัดตามสัดส่วนของผลผลิตของจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตทุเรียนแหล่งสําคัญของไทยในปี 2563(สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร,2563)ดังนี้ จันทบุรี(380,446ตัน) ชุมพร(315,552ตัน) ระยอง(114,413ตัน) ตราด(55,176ตัน) ยะลา (53,023ตัน) นครศรีธรรมราช(51,750ตัน) สุราษฎร์ธานี(41,772ตัน) จึงใช้จํานวนผู้เชี่ยวชาญตามสัดส่วนดังนี้ จันทบุรี6 ราย ชุมพร5 ราย ระยอง2 รายตราด1 ราย ยะลา 1 ราย นครศรีธรรมราช1 ราย และสุราษฎร์ธานี1 ราย รวม 17 รายซึ่งเน้นผู้ส่งออกไปจีน

2. รวบรวมความคิดเห็นของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญรอบที่หนึ่งจากเครื่องมือที่เป็นแบบสอบถามปลายเปิดแบบมีโครงสร้าง นําเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ของการศึกษาร่วมกับการค้นคว้าเอกสารแล้วนําไปสร้างแบบสอบถามฉบับที่สอง (รอบสอง) เป็นแบบสอบถามปลายปิดชนิดมาตรประมาณค่าและทําการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือจนผ่านเกณฑ์

3. ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญกําหนดค่าความเห็นบนมาตรวัดของแบบสอบถามฉบับที่สอง (รอบสอง)โดยผู้วิจัยจะนําข้อมูลคําตอบที่ได้รับจากแบบสอบถามรอบที่ 2 มาวิเคราะห์และแสดงค่าสถิติในข้อคําถามแต่ละข้อ เพื่อใช้สอบถามในรอบที่สาม

4. รวบรวมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในรอบที่ 3 โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญได้ทราบความเหมือนและความแตกต่างของคําตอบของผู้ให้ความเห็นแต่ละท่าน พร้อมกับให้พิจารณาว่ามีความเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าไม่เห็นด้วยให้แสดงเหตุผล หากไม่แสดงเหตุผลให้ถือว่าเห็นด้วยกับคําตอบดังกล่าว

5. วิเคราะห์และสรุปผล ข้อมูลสถิติที่ใช้คือ ค่ามัธยฐาน (Median) ค่าฐานนิยม (Mode) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ (Interquartile range)และหามติสอดคล้องโดยเสียงข้างมาก

นอกจากนั้นมีการสัมภาษณ์เชิงลึกกับกลุ่มเสริม คือกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐจํานวน 2 ราย เป็นผู้มีส่วนร่วมในการกํากับดูแลการผลิตและส่งออกผลไม้ไทย ใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึกและทําการวิเคราะห์เนื้อหาเพื่อยืนยันผลการศึกษาที่ได้มาข้างต้น

ผลการวิจัย

จากการเก็บรวบรวมข้อมูล 3 รอบจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นผู้ประกอบการส่งออกทุเรียน โดยใช้เทคนิคเดลฟายเพื่อหาฉันทามติของคําตอบ และจากการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ทรงคุณวุฒิ 2 ท่าน พบว่าผลการศึกษามีความสอดคล้องกัน และสามารถหาคําตอบตามวัตถุประสงค์การวิจัยอันปรากฏผลดังรายละเอียดต่อไปนี้

วัตถุประสงค์ของการวิจัยข้อที่ 1 เพื่อศึกษาการปรับตัวของผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกทุเรียนเพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากภาวะโควิดผลการศึกษาพบว่าผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนชาวไทยมีการปรับตัวดังต่อไปนี้คือ

1. ปรับคุณภาพทุเรียนตามที่ลูกค้าชาวจีนต้องการ ผู้ประกอบการมุ่งเน้นการตรวจสอบคุณภาพทุเรียนเป็นสําคัญ ไม่ตัดทุเรียนอ่อน หรือทุเรียนที่มีหนอนอยู่ภายใน ดังนั้นผู้ผลิตบางรายจะใช้วิธีการแช่ทุเรียนในน้ํายาเพื่อตรวจสอบว่ามีหนอนออกมาหรือไม่ น้ําหนักและรูปทรงต้องเป็นไปตามความต้องการของตลาด

2. ปรับการจัดการให้ได้ตามมาตรฐานในเวลาที่ต้องการ จากการศึกษาพบว่าผู้บริโภคชาวจีนชอบทุเรียนสุก ดังนั้นผู้ประกอบการพยายามปรับปรุงความสามารถในการประมาณระยะเวลาให้ทุเรียนสุกพอดีในประเทศจีน ซึ่งต้องใช้น้ํายาหรือการปรับอุณหภูมิขณะขนส่งช่วย เนื่องจากในช่วงโควิดต้องใช้ระยะเวลาในการขนส่งนานขึ้น ผู้ประกอบการทําการศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องการจัดการมาตรฐานทุเรียนให้เป็นไปตามความต้องการของลูกค้า

3. ปรับความสามารถในการจัดการกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด โดยร่วมมือกับผู้นําเข้าชาวจีนในการเตรียมเอกสารต่างๆที่จําเป็นที่ต้องใช้ในช่วงโควิด เช่น ใบรับรองการปลอดโรคพืช สารตกค้าง หรือแมลงที่ขอจากกรมวิชาการเกษตร เอกสารการเป็นสวนผลไม้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการเกษตรที่ดี และเหมาะสม(Good Agricultural Practice : GAP) เอกสารโรงคัดบรรจุที่ผ่านการรับรองคุณภาพและมาตรฐานตามระบบการผลิตที่ดี (Good Manufacturing Practice : GMP) และเลขทะเบียนโรงคัดที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมศุลกากรจีน(DOA) และผู้ส่งออกต้องมีเอกสารเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการการตรวจสอบสินค้าเกษตรที่เข้มงวดขึ้น ผลไม้ไทยที่สามารถนําเข้าประเทศจีนได้นั้นต้องมีเอกสารรับรอง4ฉบับ ประกอบด้วย 1) ใบรับรองศุลกากร 2) ใบตรวจสอบและกักกันโรคพืช 3) ใบรับรองฆ่าเชื้อและ 4) ใบรับรองการตรวจสอบโควิด-19

4. ปรับปรุงเรื่องชื่อเสียงและเครดิตเพื่อการดําเนินธุรกิจที่ยั่งยืน โดยการปฏิบัติตามสัญญาทุกครั้งที่มีการทําธุรกรรม เพราะผู้นําเข้าชาวจีนมักจะมีการชําระเงินล่วงหน้ามาก่อน

5. ปรับปรุงทรัพยากรบุคคลและเครือข่ายให้เข้มแข็ง เช่น สร้างเครือข่ายกับชาวสวนและพ่อค้าคนกลาง เข้าร่วมเครือข่ายผู้ปลูกทุเรียนเพื่อเพิ่มเติมความรู้ที่เกี่ยวกับการปลูกจนกระทั่งถึงการส่งออก ปรับทรัพยากรบุคคลให้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น เช่น การเก็บเกี่ยวผลผลิต อุปกรณ์ขนถ่าย เครื่องมือการบรรจุ เรียนรู้วิธีการใช้น้ํายาชนิดต่างๆ ตลอดจนการพ่นและใช้อุปกรณ์ให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันโควิด-19

6. ปรับปรุงการบริการและรักษาความสัมพันธ์อันดีกับผู้นําเข้าชาวจีน โดยชักชวนให้ผู้นําเข้ามาเยี่ยมชมแหล่งผลิตเพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ตามความต้องการ รวมถึงการเยี่ยมชมโรงงาน และร่วมกันหาแนวทางในการพัฒนาการส่งออกทุเรียนร่วมกันเพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

วัตถุประสงค์ของการวิจัยข้อที่ 2 เพื่อศึกษากระบวนการดําเนินธุรกิจทุเรียนเพื่อการส่งออกของผู้ประกอบการไทย ผลการศึกษาพบว่า ผู้ประกอบการส่งออกมีการปรับตัวด้านกระบวนการดําเนินธุรกิจทุเรียนเพื่อการส่งออกโดยจําแนกเป็นขั้นตอนดังนี้

1. ขั้นตอนแรก รับซื้อทุเรียนจากชาวสวนหรือตามแผงทุเรียน จําเป็นต้องคัดเลือกทุเรียนเนื้อแก่ เปอร์เซ็นเนื้อ75-80% เพราะที่ผ่านมาเคยมีปัญหากับจีนเรื่องการส่งออกทุเรียนอ่อน แต่ต้องไม่แก่มากเพราะช่วงโควิดต้องเผื่อเวลา ที่มีความล่าช้าในการตรวจเช็คความปลอดภัย

2. ขั้นตอนที่สองคือ ควบคุมวิธีการใช้น้ํายาให้ทุเรียนมีคุณภาพดี ควบคุมเวลาการตั้งโป่ง การแพ็คทุเรียนใส่กล่อง ปรับสถานที่จัดวางทุเรียนให้อยู่บนพื้นที่สะอาดสะดวกในการจัดการดูแล ตลอดจนควบคุมการขึ้นทุเรียนใส่ตู้คอนเทนเนอร์ และก่อนปล่อยตู้ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทางการเกษตรมาตรวจเช็คข้อมูลตู้ให้เรียบร้อยก่อน

3. ขั้นตอนที่สามคือ ปรับการควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมกับทุเรียนแต่ละชนิด ต้องรออุณหภูมิในตู้ลดลงก่อนตามมาตรฐานแล้วจึงปล่อยตู้ออกได้ ถ้าอุณหภูมิไม่ลดลงจะเกิดความเสียหายต่อทุเรียนได้

4. ขั้นตอนที่สี่คือ ขนส่งซึ่งมีการใช้ได้หลายรูปแบบ เช่น การขนส่งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ถึงแม้ว่าข้อดีของการขนส่งทางอากาศจะรวดเร็วถึงที่หมายภายในเวลา 1 วัน แต่ในช่วงโควิดการขนส่งที่สะดวกที่สุดคือการขนส่งทางบก อย่างไรก็ตามรัฐบาลจีนมีการใช้มาตรการคุมเข้มในการตรวจเชื้อโควิดบริเวณด่านการนําเข้าทั้งทางบก ทางเรือ และอากาศอยู่เรื่อยๆ อีกทั้งมาตรการเปิด-ปิดด่านที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทําให้ผู้ส่งออกจําเป็นต้องติดตามข่าวสารและปรับตัวอยู่เสมอ

สําหรับการส่งออกของผู้ประกอบการทุเรียนชาวไทย จะใช้วิธีการส่งออกทางอ้อม (Indirect Export) ซึ่งหมายถึงผู้ประกอบการชาวไทยไม่ได้เป็นผู้ส่งออกเอง แต่จะมีผู้นําเข้าชาวจีนดําเนินกระบวนการส่งออกให้แทน โดยจะมารับตู้คอนเทนเนอร์หน้าโรงงาน และชําระเงินโดยใช้เงื่อนไขราคาหน้าโรงงาน (EXW หรือ ExWorksหมายถึงผู้ขายส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อ ณ ที่ทําการของผู้ขาย)

วัตถุประสงค์ของการวิจัยข้อที่ 3 เพื่อศึกษาการใช้กลยุทธ์ระดับองค์กรของธุรกิจทุเรียนไทยเพื่อการส่งออก

กลยุทธ์ระดับองค์กรเป็นกลยุทธ์ที่แสดงถึง ทิศทางในการดําเนินธุรกิจ ซึ่งจําแนกออกเป็น3 ทิศทางหรือ 3 กลยุทธ์ได้แก่ 1) กลยุทธ์เติบโต (Growth Strategy) 2) กลยุทธ์คงที่ (Stability Strategy)3) กลยุทธ์ถดถอย (Retrenchment Strategy) จากการศึกษาครั้งนี้พบว่า ผู้ประกอบการส่งออกส่วนมากใช้กลยุทธ์เติบโต มีทั้งเติบโตในแนวดิ่ง (Vertical Growth) และการเติบโตในแนวนอน (Horizontal Growth) การเติบโตในแนวนอน หมายถึง มีการขยายตลาดใหม่ๆเพิ่มขึ้น หรือเพิ่มสายพันธุ์ใหม่ของทุเรียนในตลาดให้เป็นที่รู้จัก มีการใช้กลยุทธ์เติบโตในแนวดิ่ง หมายถึง มีการขยายแหล่งเพาะปลูก ซื้อสวนทุเรียนเพิ่ม หรือทําContract Farming กับชาวสวน เพื่อสร้างความมั่นใจว่ามีสินค้าจํานวนเพียงพอเพื่อป้อนตลาด มีการลงทุนในสินทรัพย์เพิ่มขึ้น เช่น การขยายและปรับปรุงโรงงานให้ทันสมัยสะดวกต่อการบรรจุและขนถ่ายสินค้า

วัตถุประสงค์ของการวิจัยข้อที่ 4 เพื่อศึกษาการใช้กลยุทธ์ระดับการแข่งขันของธุรกิจ ซึ่งจําแนกได้เป็น 4 กลยุทธ์1) กลยุทธ์ความเป็นผู้นําด้านต้นทุน (Cost leadership strategy) 2) กลยุทธ์มุ่งเน้นต้นทุนต่ํา (Cost focus) 3) กลยุทธ์มุ่งเน้นการสร้างความแตกต่าง (Differentiation focus) 4) กลยุทธ์สร้างความแตกต่าง (Differentiation) สําหรับผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนไทยใช้กลยุทธ์การแข่งขันแบบที่ 3 คือ กลยุทธ์มุ่งเน้นสร้างความแตกต่าง โดยมุ่งเน้นคุณภาพให้ค่อนข้างสูงและขายในราคาค่อนข้างสูง โดยมีคู่แข่งสําคัญคือทุเรียนจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีความแตกต่างจากทุเรียนไทยดังแสดงในตารางที่ 2

ตารางที่ 2 ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างทุเรียนไทยและทุเรียนมาเลเซีย

วัตถุประสงค์ของการวิจัยข้อที่ 5 เพื่อศึกษาการใช้กลยุทธ์ระดับหน้าที่ของธุรกิจทุเรียนไทยเพื่อการส่งออก

1. ด้านการผลิต เนื่องจากทุเรียนเป็นผลไม้ที่ส่งออกตามฤดูกาล ดังนั้นการทํางานเกี่ยวกับทุเรียนในโรงงานจะมีมากเป็นช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายนในภาคตะวันออก และช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคมจะมีการเก็บผลผลิตมากในภาคใต้ สําหรับช่วงเวลาที่ไม่ได้มีการส่งออกนั้นจะเป็นการปรับพื้นที่โรงงานให้ทันสมัยมากขึ้น เช่น ผู้ส่งออกบางรายจะปรับพื้นที่ขนส่งให้สะดวกมากขึ้น ปรับการใช้ไฟฟ้าให้ลดน้อยลง มีการศึกษาเรื่องการออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองตลาด ปรับปรุงพื้นที่ในการบรรจุทุเรียนลงกล่องเป็นต้น ผู้ส่งออกบางรายมีการทํา contract farming กับชาวสวนเพื่อให้ได้ปริมาณและคุณภาพทุเรียนเพียงพอต่อความต้องการของผู้ซื้อชาวจีน ถึงแม้ว่าประเทศไทยสามารถปลูกทุเรียนได้หลายจังหวัด แต่ทุเรียนที่ส่งออกส่วนใหญ่มาจากภาคตะวันออก เช่น จังหวัด จันทบุรี ระยอง ตราด และภาคใต้ไ เช่น ชุมพร โดยทุเรียนในภาคตะวันออกจะออกในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ทุเรียนจากภาคตะวันออกได้รับความนิยมจากผู้นําเข้ามากกว่าในเขตอื่น ผู้ประกอบการส่งออกส่วนมากระบุว่าปัญหาของทุเรียนภาคใต้ที่พบบ่อย คือ มีหนอนในผลทุเรียน

2.ด้านการตลาด ผู้ประกอบการส่งออกพยายามใช้กลยุทธ์ส่วนประสมการตลาดดังนี้

ผลิตภัณฑ์ (Product)

- ลักษณะทุเรียนที่คนจีนชอบรับประทาน คือนิ่มปานกลางจนถึงสุก โดยจะชอบทุเรียนที่สุก หากทุเรียนที่ยังไม่สุกมากและยังมีความกรอบ จะถูกมองว่าเป็นทุเรียนอ่อน สายพันธุ์ทุเรียนที่ได้รับความนิยมคือ พันธุ์หมอนทอง เพราะว่าเข้ามาทําตลาดในจีนก่อนสายพันธุ์อื่น

- น้ําหนักของทุเรียนต่อลูกประมาณ 3-4กิโลกรัม

- การบรรจุเพื่อการส่งออก จะบรรจุ 9 ลูกต่อกล่องกระดาษ

- ผู้ส่งออกส่วนใหญ่ยังไม่มีการทําตราสินค้าเป็นยี่ห้อของตนเอง แต่ใช้ตรายี่ห้อของผู้นําเข้าชาวจีนเป็นหลัก

ราคา (Price)

- ราคาขายของผู้ส่งออกแต่ละรายใกล้เคียงกันมาก เพราะราคาจะอ้างอิงจากราคาตลาด ที่ผู้ซื้อสามารถทราบราคาได้จากทางอินเตอร์เน็ต ดังนั้นราคาซื้อขายที่หน้าสวนจะไม่แตกต่างกันมาก ทําให้ราคาส่งออกแต่ละรายไม่แตกต่างกันมาก

การจัดจําหน่าย (Place)

- ช่องทางการขายยังคงเป็นรูปแบบเดิมๆ คือ เน้นการส่งออกเป็นหลัก ส่วนช่องทางอื่นๆเช่น ออนไลน์ ผู้ประกอบการชาวจีนจะเป็นผู้ดําเนินการเองในประเทศจีน

การจัดจําหน่าย (Place)

- การส่งเสริมการตลาดในปัจจุบันมีการทําประชาสัมพันธ์ โดยมีภาครัฐสนับสนุนผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อให้ผู้บริโภคชาวจีนรู้จักทุเรียนมากขึ้น ซึ่งมีทั้งกิจกรรมที่เป็นออนไลน์และออฟไลน์

3. ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ช่วงที่มีการส่งออกทุเรียนมาก จะมีการจ้างพนักงานชั่วคราวคิดเป็นรายวันเป็นจํานวนมากเพิ่มเติมนอกเหนือจากพนักงานประจํา สําหรับพนักงานประจําที่ผู้ส่งออกจ้างไว้ก็มีหน้าที่ต้องดูแลผลไม้อื่นนอกฤดูกาลทุเรียน เช่น มังคุดและลําไย เพราะผู้ประกอบการชาวไทยจะดําเนินธุรกิจผลไม้อื่นๆให้ได้ทั้งปีนอกเหนือจากทุเรียน เพื่อให้พนักงานประจําได้มีงานทําตลอดปี

4. ด้านการเงิน ผู้นําเข้าชาวจีนทําการติดต่อซื้อขายกับผู้ประกอบการส่งออกชาวไทยโดยการตกลงราคากันในเทอม EXW(ราคาหน้าโรงงาน) ชําระกันในสกุลเงินบาทจึงไม่มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยรูปแบบการชําระเงินจะเป็นเงินสดที่ผู้นําเข้าชาวจีนทําการโอนให้กับผู้ประกอบการส่งออกชาวไทยก่อนที่จะมีการส่งมอบทุเรียน ผู้นําเข้าชาวจีนบางรายมีการปล่อยสินเชื่อบ้างหากมีการซื้อขายกันมานานเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการทํางาน และช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าจะได้จํานวนผลผลิตตามต้องการ

5. ด้านโลจิสติกส์ จากความคิดเห็นของผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนถึงผลกระทบที่ได้รับจากโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 ได้รับคําตอบว่าไม่ได้รับผลกระทบเรื่องปริมาณการส่งออกถึงแม้ว่าราคาทุเรียนจะสูงขึ้น แต่ได้รับผลกระทบทางด้านโลจิสติกส์ ได้แก่ ความล่าช้าในการตรวจสอบเรื่องมาตรฐานสินค้า โดยเฉพาะการตรวจจับทุเรียนอ่อน และการตรวจสอบโควิดกับผู้ขนส่งในระหว่างการขนส่งทางบก ตลอดจนการปิดด่านนําเข้าผลไม้บางด่านในจีนทําให้เกิดความล่าช้าไม่สะดวก และมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนด่านนําเข้า ผู้ประกอบการส่งออกชาวไทยมีการปรับตัวด้านเวลาให้สอดคล้องกับสถานการณ์เหล่านี้ เพื่อให้ทุเรียนยังคงคุณภาพที่จะตอบสนองผู้บริโภคในจีนได้ทันเวลา

อภิปรายผลการวิจัย

ตามวัตถุประสงค์การวิจัยข้อที่ 1 ผู้วิจัยพบว่าผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนมีการปรับตัวด้านการควบคุมด้านคุณภาพทุเรียน การจัดการให้ได้ตามมาตรฐานและเวลา การแก้ปัญหาช่วงโควิด การพัฒนาชื่อเสียงและเครดิต การปรับปรุงทรัพยากรบุคคลและเครือข่าย ตลอดจนการปรับปรุงบริการและความสัมพันธ์กับผู้นําเข้าชาวจีนทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทําให้มีผลกระทบต่อการส่งออกทุเรียนไปจีนอย่างมาก จีนมีการปิดด่าน หรือบางแห่งมีการตรวจการติดเชื้ออย่างเข้มงวด1. ด้านการผลิต2. ด้านการตลาด3. ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์4. ด้านการเงิน5. ด้านโลจิสติกส์กลยุทธ์ระดับหน้าที่ของธุรกิจทุเรียนไทยเพื่อการส่งออกทั้งสินค้า พัสดุตลอดจนตู้Container ต้องให้เจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน CCIC ของจีนติดสติกเกอร์รับรอง ทําให้เสียเวลา ผู้ประกอบการไทยจึงต้องปรับวิธีการควบคุมคุณภาพทุเรียนให้สอดคล้องกับเวลา ปรับระเบียบการทํางานของบุคลากรให้เว้นระยะห่างและมีความเข้มงวดในการพ่นยาฆ่าเชื้อเพื่อไม่ให้ปนเปื้อนสินค้าและพัสดุ ซึ่งสอดคล้องกับการรายงานของประชาชาติธุรกิจ(2565) ที่พบว่าจีนปิดการนําเข้าทุเรียนไทย 3 วันหลังพบโควิด

ตามวัตถุประสงค์การวิจัยข้อที่ 2 ผู้วิจัยพบว่า กระบวนการดําเนินธุรกิจส่งออก เริ่มจากการรับซื้อทุเรียน เน้นเรื่องการคัดเลือกคุณภาพทุเรียน ควบคุมวิธีการใช้น้ํายา การตั้งโป่ง การบรรจุกล่อง การขึ้นตู้คอนเทนเนอร์ และการปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมก่อนปล่อยตู้ ผู้ประกอบการส่งออกไทยต้องมีหลักฐานที่แสดงถึงการผ่านมาตรฐานสากล เช่น GMP และ GAP ผู้ประกอบการส่งออกส่วนใหญ่ใช้วิธีการส่งออกทางอ้อม โดยมีผู้นําเข้าชาวจีนมารับซื้อถึงหน้าโรงงาน และชําระเงินในเงื่อนไข EXW คือจ่ายที่โรงงาน ณ. วันส่งมอบ ช่วยทําให้ความเสี่ยงทางการเงินสําหรับผู้ประกอบการส่งออกชาวไทยเกิดขึ้นน้อย เนื่องจากผู้ประกอบการใช้เงื่อนไขการชําระเงินที่เป็นเงินบาทหน้าโรงงานจึงไม่ต้องขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งผลการวิจัยนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาของณัฐชุดา เดชพ่วง และคณะ (2561) ที่กล่าวว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามกับปริมาณการส่งออกทุเรียนไทยไปจีน ดังนั้นหากความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนสามารถควบคุมได้ จะทําให้ค่าเงินไม่ส่งผลต่อปริมาณการสั่งซื้อทุเรียน

ตามวัตถุประสงค์การวิจัยข้อที่ 3 ผู้วิจัยพบว่า ผู้ประกอบการส่งออกชาวไทยใช้กลยุทธ์ระดับองค์กรแบบเติบโตทั้งแนวดิ่งและแนวนอน ทั้งนี้เนื่องจากในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาไทยส่งออกได้มากขึ้น โดยเฉพาะส่งออกไปประเทศจีน ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางของจีนที่มีกําลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของ Sukloet(2021) ที่กล่าวถึง จํานวนชนชั้นกลางของจีนที่มีจํานวนเพิ่มขึ้นทําให้ประเทศจีนมีความต้องการบริโภคผลไม้นําเข้า เช่น ทุเรียน อโวกาโด และเชอรี่เพิ่มขึ้น และยังสอดคล้องกับผลงานวิจัยของชนิฎา ช่วยนะ และอติ ไทยานันท์ (2562) ที่กล่าวว่า เมื่อ GDP ของจีนเพิ่มขึ้น 1USD จะทําให้ปริมาณการนําเข้าทุเรียนสดจากไทยเพิ่มขึ้น 20.62 ตัน และมีการขยายตลาดเข้าไปในมณฑลด้านในของประเทศจีน ทําให้ทุเรียนไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ดีในการขยายตลาดให้กับทุเรียนสายพันธุ์ไทย ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทย (2564) นอกจากนี้การเพิ่มขึ้นของการบริโภคทุเรียนในประเทศจีนอาจเนื่องมาจากระบบการจัดการโลจิสติกส์ภายในประเทศจีนที่มีการจัดการได้ดีในช่วงโควิด มีการสั่งซื้อทุเรียนออนไลน์และส่งมอบได้ภายในระยะเวลาสั้น หรือมีการนําเข้าจากไทยไปทางตอนใต้ของจีน สามารถลําเลียงขึ้นไปทางตอนเหนือได้ ทั้งเมืองชิงต่าว ปักกิ่ง และเจิ้งโจว ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของสํานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองชิงต่าว (2565) นอกจากนั้นการศึกษายังพบว่าระยะเวลาในการทําธุรกิจส่งออกทุเรียนไปจีนสามารถดําเนินธุรกิจได้ยาวเนื่องจากผลผลิตทุเรียนในประเทศไทยเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน โดยทุเรียนในภาคตะวันออกจะเก็บผลผลิตได้ก่อน และตามมาด้วยผลผลิตทุเรียนที่มาจากภาคใต้ จึงทําให้การส่งออกทุเรียนไปจีนกระทําได้ยาวนาน ทําให้ส่งผลดีกับเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของณัฐชุดา เดชพ่วง และคณะ (2561) ที่กล่าวว่าผลผลิตทุเรียนมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับปริมาณการส่งออกไปจีน เพราะผู้บริโภคชาวจีนมีความชื่นชอบและติดใจทุเรียนไทยมาก ทําให้ผู้ประกอบการต้องขยายพื้นที่การปลูกเพิ่ม หรือทําสัญญาซื้อกับเจ้าของสวนมากขึ้นและขยายตลาดมากขึ้น สอดคล้องกับรายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรที่สําคัญและแนวโน้มปี 2564ที่พบว่ามีการขยายเนื้อที่ปลูกทุเรียนมากขึ้น

ตามวัตถุประสงค์การวิจัยข้อที่ 4 ผู้วิจัยพบว่าผู้ประกอบการส่งออกชาวไทยใช้กลยุทธ์การแข่งขันแบบมุ่งเน้นการสร้างความแตกต่าง โดยมุ่งเน้นคุณภาพค่อนข้างสูงและขายในราคาค่อนข้างสูง คู่แข่งที่สําคัญของทุเรียนไทย คือ ทุเรียนจากประเทศมาเลเซีย จากการวิจัยพบว่า ผู้บริโภคชาวจีนนิยมบริโภคทุเรียนสุกซึ่งสอดคล้องกับ กฤษณะ (2563) ที่พบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนนิยมบริโภคทุเรียนสุกซึ่งสอดคล้องกับคุณลักษณะของทุเรียน Mushan King ของมาเลเซีย จึงทําให้ทุเรียนของมาเลเซียเป็นที่ชื่นชอบในตลาดจีนและขายได้ในราคาสูง ซึ่งเป็นคู่แข่งที่สําคัญของไทยที่ต้องระวัง ในขณะนี้ทุเรียนไทยมีข้อได้เปรียบทุเรียนจากมาเลเซียหลายประเด็น แต่ในอนาคตต้องระวังเพราะอาจมีคู่แข่งจากหลายประเทศเพิ่มขึ้น เช่น เวียดนามและฟิลิปปินส์ และจากจีนเองด้วยที่มีการปลูกทุเรียนที่เกาะไหหลําซึ่งสอดคล้องกับรายงานของสํานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน (2562)

ตามวัตถุประสงค์การวิจัยข้อที่ 5 ผู้วิจัยพบว่า ผู้ประกอบการชาวไทยมีการปรับปรุงและดําเนินกลยุทธ์หลายหน้าที่ ได้แก่ กลยุทธ์การผลิต กลยุทธ์การตลาด กลยุทธ์การบริหารทรัพยากรมนุษย์ กลยุทธ์การเงิน ตลอดจนกลยุทธ์โลจิสติกส์ ผลการศึกษาพบว่ามีการปรับกลยุทธ์ระดับหน้าที่โดยเฉพาะหน้าที่การตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งสอดคล้องกับข้อค้นพบของ ธงชัย วัชนุชา และ อดิลล่า พงศ์ยี่หล้า(2564) ที่พบว่ากลยุทธ์ส่วนประสมการตลาดมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคผลไม้ไทย เช่นเดียวกับที่ผู้บริโภคชาวจีนคัดสรรบริโภคทุเรียนที่มีคุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของสํานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ นครคุนหมิง (2564) ที่เน้นย้ําให้รักษาคุณภาพทุเรียน โดยเฉพาะระหว่างการปลูกต้องให้ความสําคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ใช้สารเคมีเพื่อเร่งการเติบโตหรือเร่งให้สุก

สรุป

สภาพแวดล้อมภายนอกที่ควบคุมไม่ได้เช่นการเกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19และความต้องการบริโภคทุเรียนที่เพิ่มขึ้นในตลาดจีน ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมภายในองค์กรดังตัวอย่างของการศึกษาธุรกิจส่งออกทุเรียนของไทย ซึ่งทําให้ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว ปรับกระบวนการการส่งออก และปรับกลยุทธ์ระดับองค์กร ระดับการแข่งขัน และระดับหน้าที่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

องค์ความรู้ใหม่จากงานวิจัย

องค์ความรู้ใหม่ที่ได้จากการวิจัยในครั้งนี้ พบว่าในสถานการณ์โควิดเดียวกันเวลาเดียวกันหลายธุรกิจส่งออกปรับตัวในทิศทางที่ไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่ปรับตัวในทิศทางถดถอย แต่จากการวิจัยกลับพบว่า ผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกทุเรียนไทยไปจีนกลับสามารถปรับตัว และดําเนินกลยุทธ์เพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากโควิดได้ดี โดยกลยุทธ์ระดับองค์กรที่ผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกทุเรียนส่วนใหญ่ใช้คือ การขยายหรือเติบโต ไม่ว่าจะเป็นการขยายพื้นที่เพาะปลูก การหาแหล่งจัดซื้อทุเรียนเพิ่มขึ้น สร้างธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้อง อย่างทุเรียนแช่แข็ง ปรับปรุงโรงงาน เป็นต้น ในขณะที่สถานการณ์โควิดทําให้ผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกสินค้าอื่นจํานวนมากได้รับผลกระทบให้ถดถอย ไม่ว่าจะเป็นการปิดท่าเรือจนไม่สามารถส่งออกได้ ผู้บริโภคประเทศต่างๆมีกําลังซื้อลดลง ปัญหาการชําระหนี้ไม่ตรงเวลา ขาดแคลนแรงงานเพราะแรงงานติดโควิด ผู้ผลิตวัตถุดิบปิดกิจการ และปัญหาอื่นๆอีกมาก แต่จากการวิจัยกลับพบว่า ความต้องการทุเรียนในจีนมีมากขึ้น ราคาสูงขึ้น และดําเนินกลยุทธ์เพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากโควิดได้ดี

ข้อเสนอแนะ

จากผลการวิจัย ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย จากการศึกษาพบว่าทุเรียนมีความต้องการสูงในประเทศจีน แต่ผู้ประกอบการชาวไทยไม่สามารถหาผลผลิตได้ตลอดปีเนื่องจากทุเรียนให้ผลผลิตตามฤดูกาล และพบว่ามีคู่แข่งที่ผลิตทุเรียนที่มีคุณภาพเช่นกันจากมาเลเซียส่งออกไปยังตลาดจีน นอกจากนั้นยังพบว่าจีนมีความเข้มงวดในการตรวจเชื้อโควิดกับทุเรียนที่ส่งออกไปทําให้เสียเวลาที่ด่านมาก ดังนั้นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายคือ

1) หน่วยงานภาครัฐควรมีการกําหนดนโยบายในการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกทุเรียนคุณภาพสูงที่เป็นที่ยอมรับของตลาดเพื่อส่งออก โดยฉพาะนอกฤดูกาล มีความต้องการสูง ทําให้มีรายได้ตลอดปี

2) หน่วยงานภาครัฐควรมีการจัดตั้งคณะทํางานพิเศษเพื่อประสานงานและดําเนินงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน CCIC ของจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อทําการตรวจเข้มตั้งแต่ในประเทศไทย จะช่วยทําให้ผ่านด่านประเทศจีนได้รวดเร็วขึ้น ลดความเสี่ยงเรื่องความเสียหายของทุเรียนที่ต้องรอการตรวจเช็ค

ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติสําหรับผู้ประกอบการ จากการศึกษาพบว่าผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนมีการใช้กลยุทธ์ระดับองค์กรแบบเติบโตทั้งแนวดิ่งและแนวนอน มีการขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนทําให้ในอนาคตอันใกล้ผลิตผลทุเรียนจะมีมากขึ้น ต้องหาตลาดรองรับเพิ่ม อีกทั้งคู่แข่งจากประเทศอื่นโดยเฉพาะประเทศมาเลเซียก็พัฒนาสินค้าเช่นกัน สําหรับทุเรียนจากไทยคนจีนส่วนใหญ่รู้จักพันธุ์หมอนทอง รู้จักสายพันธุ์อื่นน้อย ส่วนปัญหาใหญ่ช่วงโควิดคือการตรวจเข้มที่ด่านจีนทําให้เสียเวลา จากข้อค้นพบข้างต้น ดังนั้นข้อเสนอแนะสําหรับผู้ประกอบการคือ

1) หน่วยงานภาครัฐควรมีการกําหนดนโยบายในการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกทุเรียนคุณภาพสูงที่เป็นที่ยอมรับของตลาดเพื่อส่งออก โดยฉพาะนอกฤดูกาล มีความต้องการสูง ทําให้มีรายได้ตลอดปี

2) ผู้ประกอบการไทยควรเร่งเจาะตลาดในรูปแบบอื่น หรือแนะนําทุเรียนไทยสายพันธ์อื่นเพื่อยกระดับทุเรียนไทยสายพันธ์อื่นให้ครองใจผู้บริโภคชาวจีนให้ใกล้เคียงกับพันธ์หมอนทองที่ครองตลาดได้แล้ว

3) ขยายตลาดไปยังประเทศอื่นในเอเชียที่คุ้นเคยกับผลไม้ไทยอยู่แล้วหรือ ขยายตลาดไปยังภูมิภาคอื่นเพื่อรองรับทุเรียนล้นตลาดในอนาคตเมื่อประเทศจีนหรือประเทศอื่นปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้น

4) ผู้ประกอบการไทยต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่หน่วยงาน CCIC ของจีนในการตรวจเข้มเรื่องโควิด-19ในทุกขั้นตอนตั้งแต่อยู่ในประเทศไทย จะทําให้การนําเข้าง่ายขึ้น

ข้อเสนอแนะสําหรับการทําวิจัยครั้งต่อไปในอนาคต จากการศึกษาพบว่าผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนมีการใช้กลยุทธ์ระดับองค์กรแบบเติบโตทั้งแนวดิ่งและแนวนอน มีการขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนเป็นจํานวนมากทําให้ในอนาคตอันใกล้ผลิตผลทุเรียนจะมีมากขึ้นหรืออาจล้นตลาดดังนั้นการศึกษาวิจัยครั้งต่อไปควรมีการศึกษาเกี่ยวกับความต้องการทุเรียนแปรรูปโดยใช้ทั้งการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อทราบความต้องการของตลาด สามารถนําข้อค้นพบมาใช้วางแผนป้องกันผลผลิตล้นตลาดในอนาคต เพื่อประโยชน์ในภายภาคหน้าต่อไป

เอกสารอ้างอิง

กรมศุลกากร. (2565). ปริมาณการส่งออกทุเรียนไปต่างประเทศ.สืบค้นเมื่อ 3 มีนาคม 2565,จาก http://www.customs.go.th/statistic_report.php?show_search=1&s=oLuGdLhgyscAYMay

กฤษณะ สุกันตพงษ์. (2563). กระแสทุเรียนมาเลย์ในจีนกําลังปัง ทุเรียนไทยต้องระวังเสียแชมป์.ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง.

ชนิฎา ช่วยนะ, และอติ ไทยานันท์. (15 มีนาคม2562). การศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการส่งออกทุเรียนสดของไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน. การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 20, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ประเทศไทย.หน้า 1809-1813.

ณัฐชุดา เดชพ่วง, และกนกพร ชัยประสิทธิ์. (2561). ความสัมพันธ์ของปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกประเทศที่มีผลต่อการส่องออกทุเรียนไปสาธารณรัฐประชาชนจีน. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเซีย ฉบับสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์,8(1), 333 –340.

ธงชัย วัชนุชา และอดิลล่า พงศ์ยี่หล้า. (2564). ปัจจัยแห่งความสําเร็จของห่วงโซ่อุปทานธุรกิจกิจการค้าผลไม้ไทย. วารสารสุทธิปริทัศน์, 35(1), 194–216.

นิภาพรรณ เจนสันติกุล. (2560). การนําเทคนิคเดลฟายไปใช้สําหรับการวิจัย. วารสารรัฐศาสตร์ปริทรรศน์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 4(2), 47-64.

น้ําผึ้ง มีศิล. (2559). การวิจัยด้วยเทคนิคเดลฟาย: การหลีกเลี่ยงมโนทัศน์ที่ไม่ถูกต้อง. Veridian E-Journal, Silpakorn University,9(1),1256-1267.

ประชาชาติธุรกิจ. (14 เมษายน2565). จีนปิดนําเข้าทุเรียนไทย3 วันหลังพบโควิด. สืบค้นเมื่อ16เมษายน2565, จากhttps://www.prachachat.net/local-economy/news-909930

ฝ่ายเกษตรประจําสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว.(มิถุนายน2564).สถานการณ์ผลไม้ไทยในตลาดจีน ปี 2563 และแนวโน้ม.สืบค้นเมื่อ 4 สิงหาคม 2564,จากhttps://www.moac.go.th/foreignagri-news-files-431391791323

ฝ่ายเกษตรประจํากงสุลใหญ่ณนครเซี่ยงไฮ้. (2563). รายงานประจําปีงบประมาณ2563. สืบค้นเมื่อ 30 กรกฎาคม 2564,จากhttps://www.opsmoac.go.th/shanghai-dwl-files-431291791909

พักตร์ผจง วัฒนสินธุ์,พสุ เดชะรินทร์.(2546). การจัดการเชิงกลยุทธ์และนโยบายธุรกิจ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ศูนย์พัฒนาการค้าและธุรกิจไทย สํานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครคุนหมิง.(เมษายน2563).ราคาทุเรียนไทยในตลาดจีนมีแนวโน้มสูงขึ้นสวนกระแส Covid -19.สืบค้นเมื่อ 30 กรกฎาคม 2564,จากhttp://yn.yunnan.cn/system/2021/05/16/031451754.shtml

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย. (กรกฎาคม2564). การศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการส่งออกทุเรียนสดของไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน. สืบค้นเมื่อ 30 สิงหาคม 2564,จากhttps://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Durian-export.aspx

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย. (กรกฎาคม2564). ส่งออกทุเรียนไทยพุ่งทุบสถิติ ตลาดจีนยังคงมาแรง. สืบค้นเมื่อ 15 สิงหาคม 2564, จากhttps://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Durian-export.aspx

เศรษฐกิจภูมิภาค. (2565). จีนปิดนําเข้าทุเรียนไทย 3 วันหลังพบโควิด.สืบค้นเมื่อ 14 เมษายน 2565,จากhttps://www.prachachat.net/local-economy/news-909930

สํานักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี. (2564). ข้อมูลเพื่อการวางแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์รายสินค้า (ทุเรียน)ปี 2564. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, 4-44. สืบค้นเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2565 จาก https://www.opsmoac.go.th/suratthani-dwl-preview-431691791003

สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร.(ธันวาคม2563).สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สําคัญและแนวโน้มปี 2564.สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2564,จากhttps://www.opsmoac.go.th/nakhonphanom-dwl-files-431991791110

สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร.(2563). ปริมาณและมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร ปี 2563. สืบค้นเมื่อ 4 สิงหาคม 2564,จาก http://impexp.oae.go.th/service/report_product01.php?S_YEAR=2563&i_type=2&PRODUCT_ID=1273&wf_search=&WF_SEARCH=Y#export

สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร. (2564). ตารางแสดงรายละเอียดทุเรียน ผลผลิตต่อไร่.สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2564,จากhttps://www.oae.go.th/assets/portals/1/fileups/prcaidata/files/durian63.pdf

สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร.(2564). สถิติการส่งออก.สืบค้นเมื่อ 18 ธันวาคม 2564, จากhttp://impexp.oae.go.th/service/export.php?S_YEAR=2554&E_YEAR=2562&PRODUCT_GROUP=5252&PRODUCT_ID=4977&wf_search=&WF_SEARCH=Y

สํานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองชิงต่าว. (กุมภาพันธ์2565). ศุลกากรจีนเผยปี 2021 จีนนําเข้าทุเรียนสูงเป็นประวิติการณ์.สืบค้นเมื่อ16เมษายน 2565, จากhttps://www.ditp.go.th/ditp_web61/article_sub_view.php?filename=contents_attach/761525/761525.pdf&title=761525&cate=413&d=0

สํานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน.(พฤศจิกายน 2562). มณฑลไห่หนานเริ่มปลูกทุเรียนไทยและทุเรียนมาเลเซียเพื่อการค้า.สืบค้นเมื่อ25ธันวาคม2564, จากhttps://www.ditp.go.th/contents_attach/577374/577374.pdf

สํานักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. (กันยายน2563). การศึกษาบทบาทของผู้ประกอบการธุรกิจผลไม้ที่มีต่อทุเรียนไทย.สืบค้นเมื่อ 18 ธันวาคม 2564, จากhttps://คิดค้า.com/wp-content/uploads/2021/08/1.-การศึกษาบทบาทของผู้ประกอบการธุรกิจผลไม้.pdf

สํานักงานวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร, สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร.(ธันวาคม2563).สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สําคัญและแนวโน้มปี 2564.สืบค้นเมื่อ 29 พฤษภาคม 2564,จากhttp://www.oae.go.th/assets/portals/1/ebookcategory/57_trend-2564/#page=1

อดิลล่า พงศ์ยี่หล้า.(2563). กลยุทธ์การเข้าตลาดระหว่างประเทศ. เอกสารการสอนชุดวิชาการตลาดระหว่างประเทศและการตลาดโลก. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

Macmillan,T.T. (1971). The delphi technique.Paper Presented at the annual meeting of the California Junior Colleges Associations Committee on Research and Development.Monterey:California.

Sukloet,S.(2021). Thai Durian Export Competitiveness to the People’s Republic of China Case Study: Strategic Partnership with Alibaba Group. Rajabhat Chiang Mai ResearchJournal, 22(1), 23–36.

Wheelen,T.L.and Hunger,J.D.(2012).Strategic management and business policy:toward global sustainability.(13thed). Boston: Pearson.



arrow-prev ย้อนกลับ